เทคนิคการเขียนเรียงความ

เทคนิคการเขียนเรียงความ

ลักษณะเรียงความที่ดี

๑.มีเอกภาพ  หมายความว่า  เนื้อเรื่องจะต้องมีเนื้อหาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่กล่าวนอกเรื่อง เรียงความจะมีเอกภาพหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการวางโครงเรื่อง

๒.มีสัมพันธภาพ  หมายความว่า  เนื้อหาจะต้องมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันตลอดทั้งเรื่อง ความสัมพันธ์ต่อเนื่องของเนื้อหาเกิดจากการจัดลำดับความคิดการวางโครงเรื่องที่ดีและเกิดจากการเรียบเรียงย่อหน้าอย่างมีระบบ

๓.มีสารัตถภาพ  หมายความว่า  เรียงความแต่ละเรื่องจะต้องมีสาระสมบูรณ์ตลอดทั้งเรื่องความสมบูรณ์ของเนื้อหาเกิดจากการวางโครงเรื่องที่ดี 

หลักการเขียนคำนำ

          นักเรียนจะต้องเลือกวิธีการเขียนคำนำให้เหมาะสมกับประเภทของงานเขียนเนื้อหาที่เขียน รวมทั้งผู้รับสารด้วย  ปกติมักจะนิยมเขียนคำนำเพียงย่อหน้าเดียว  การเขียนคำนำสามารถกระทำได้หลายวิธี  

          ลักษณะของคำนำที่ดี

          -  ควรเขียนคำนำให้ตรงและสอดคล้องกับเรื่องที่เขียน
          -  ไม่ควรเขียนคำนำที่อ้อมค้อม  มีเนื้อหาไกลจากเรื่องที่เขียน  อาจทำให้ผู้อ่านไม่ทราบจุดประสงค์ชัดเจนว่าจะเขียนเรื่องอะไร 
          -  ไม่ควรเขียนคำนำที่ยาวเกินไป  ไม่ได้สัดส่วนกับเนื้อเรื่อง  คำนำที่ดีควรมีเพียงย่อหน้าเดียวเท่านั้นอาจมีความยาวประมาณ ๕-๗ บรรทัด  (ยกเว้นมีคำประพันธ์ผสมอยู่ด้วย)   
          -  ในการเขียนคำนำไม่ควรออกตัวว่าไม่พร้อม  หรือไม่เชี่ยวชาญในเรื่องที่เขียนซึ่งอาจมีผลทำให้ผู้อ่านไม่มั่นใจและไม่สนใจในการอ่านได้  
          -  คำนำที่ดี  คือ  คำนำที่บอกให้รู้ได้ทันทีว่าจะเขียนอะไร  และต้องเขียนให้กระชับและเร้าความสนใจด้วย  

ตัวอย่างการเขียนคำนำที่ดี

          คำนำเริ่มด้วยการยกคำพูด  คำคม  หรือสุภาษิตที่น่าสนใจ

          “ใครทำให้ข้าเสียใจชั่วครู่  ข้าจะทำให้มันเสียใจไปตลอดชีวิต”  เป็นคำกล่าวของพระนางซูสีไทเฮาผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยปลายราชวงศ์ชิง  ซึ่งมิใช่คำขู่หรือคำเล่าลือที่ไร้ความจริง  ความยำเกรงของผู้คนทั้งในราชสำนักทหารพลเรือนและประชาชนทั่วแผ่นดินที่มีต่อพระนางเป็นสิ่งยืนยันคำกล่าวข้างตนนี้เป็นอย่างดีและยังบอกให้รู้ถึงอำนาจอันล้นฟ้าของผู้อยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์และองค์จักรพรรดิเป็นเวลานานถึง ๔๗ ปี
(ดวงดาว  ทิฆัมพร. “ซูสีไทเฮา  หญิงบ้านนอกผู้ตั้งตัวเป็นเจ้าชีวิต,”  มิติใหม่.  ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๔ หน้า  ๗๔)

          คำนำที่เริ่มด้วยบทร้อยกรอง

                             “สงสารคำทำการนานแล้ว          ดูไม่แคล้วตาไปในหนังสือ
                   มันถูกใช้หลายอย่างไม่วางมือ                 แต่ละมื้อตรำตรากยากเต็มที
                   ตำรวจเห็นโจรหาญทำการจับ                โจรมันกลับวิ่งทะยานทำการหนี
                   ทำการป่วยเป็นลมล้มพอดี                    ทำการจี้จับหมายว่าตายเอย” 
          วันนี้เริ่มต้นด้วยคำกลอนให้เต็มที่เสียหน่อย  เปล่า  ผู้เขียนไม่ได้เก่งกาจถึงกับแต่งขึ้นมาเองดอกแต่กลอนข้างบนนี้เป็นพระนิพนธ์ของ น.ม.ส.  ปรากฏในหนังสือประมวญวันเกือบ ๔๐ ปีมาแล้ว  แสดงว่ามีคนรำคาญคำว่า  ทำการ  กันมานานแสนนานแล้วถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังรำคาญอยู่  เพราะแม้แต่ในรายการโทรทัศน์ยอดนิยม  รายการหนึ่ง  คือ  รายการภาษาไทยวันละคำ  ก็ยังกล่าวไว้  
          (นิตยา  กาญจนวรรณ, “เรื่องของ ทำการ”ใน พูดจาภาษาไทยหน้า ๑๕๙)  

          คำนำที่โน้มน้าวและชักจูงให้ผู้อ่านเห็นคล้อยตาม

          กินมากแล้วก็ต้องอ้วนเป็นเรื่องธรรมดาที่รู้ ๆ กันอยู่  แต่คนสมัยนี้ไม่อยากอ้วนเพราะอ้วนแล้วสร้างปัญหาให้มากมาย  ทั้งโรคหัวใจ  โรคเบาหวาน  โรคเกาต์  และโรคความดันโลหิตสูง  บางครั้งก็มีปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง  คนส่วนใหญ่จึงอยากจะผอม  แต่ถ้าต้องการผอมก็หยุดกิน  เรื่องที่จะทำให้คนอ้วนหยุดกินเป็นการแนะนำง่าย  แต่ปฏิบัติตามได้ยาก  การสอนคนอ้วนให้กินอย่างถูกวิธี  จึงน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า
(วินัย  ดะส์ลัน,  “กินให้ผอม.”  เนชั่นสุดสัปดาห์,  ปีที่ ๔ แบบฉบับที่ ๑๙๖,  (๘-๑๔ มีนาคม ๒๕๓๙)

          คำนำที่กล่าวถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะเขียนเพื่อนำเข้าสู่เรื่อง

          ในบรรดาสิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุด  ได้แก่  สถูปเจดีย์และสถูปเจดีย์ที่มีทั้งความเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเมืองไทยแห่งหนึ่ง คือ พระปฐมเจดีย์  
          (วิบูลย์  ลี้สุวรรณ, “พระปฐมเจดีย์”  ใน ๕ นาทีกับศิลปะไทย,  หน้า ๒๓๓.)

          คำนำที่เริ่มด้วยคำถามหรือข้อความประหลาดใจ

          ในนิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่มีข้อความบางตอนอ้างถึงของวิเศษอย่างหนึ่งเรียกว่าตราราหู มีลักษณะประหลาดโดยรูปลักษณ์และคุณสมบัติทำให้เกิดความทึ่งแก่ผู้อ่านว่า  สิ่งนี้คืออะไรแน่  และสุนทรภู่ไปได้ความคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้มาจากไหน  เรื่องตราราหูเป็นอย่างไรน่าจะพิจารณาดู  
(ศักดิ์ศรี  แย้มนัดดา.  “ตราราหูในพระอภัยมณี.”  ใน  วรรณวิทยา.  หน้า ๙๑)  

วิธีการเขียนสรุป
          การสรุปควรมีเนื้อหาสอดคล้องกับคำนำและประเด็นของเรื่อง  ย่อหน้าสรุปไม่ควรยาว (ประมาณ ๕ บรรทัด อาจมีคำประพันธ์ประสมอยู่ด้วย)  แต่ให้มีใจความกระชับประทับใจผู้อ่าน  วิธีการสรุปมีหลายวิธี  นักเรียนอาจนำวิธีการเขียนคำนำบางวิธีมาใช้ในการสรุปได้  เช่น  การสรุปด้วยคำถาม  การสรุปด้วยคำคม  สุภาษิต  และบทร้อยกรองหรือสรุปด้วยข้อความที่ให้แง่คิด  เป็นต้น  

          ตัวอย่างการเขียนสรุปความที่ดี

          การเขียนสรุปด้วยการฝากข้อคิดและความประทับใจให้แก่ผู้อ่าน

          ดังนั้นถ้าเราอยากให้น้ำใจเกิดขึ้นในสังคมของเรา  ต้องลงมือปฏิบัติด้วยตนเองกันทุกคน  อย่ามัวเรียกร้องให้คนอื่นมีน้ำใจเพราะถ้าเราไม่มีน้ำใจ  การเรียกร้องให้ผู้อื่นมีน้ำใจต่อเราจะกลายเป็นความเห็นแก่ตัว  และถ้าเรามีน้ำใจแล้วก็ไม่ต้องเรียกร้องให้ใครมีน้ำใจ  น้ำใจของเราต่างหากที่จะเพาะความมีน้ำใจให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นโดยไม่ต้องเรียกร้อง  
(ปรีชา ช้างขวัญยืน.คอลัมน์ปากกาขนนก เรื่องน้ำใจ,สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์.ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๒๗,หน้า  ๕๘.)

          การเขียนสรุปด้วยข้อคำคม  สุภาษิต  และบทร้อยกรอง

          ขณะนี้อวิชาอันเนื่องมากจากลัทธิบริโภคนิยมได้เข้าไปสั่นคลอนจรรยาบรรณในทุกวิชาชีพ  ทำให้ผู้คนมักมากและมีวิธีการสร้างความยอมรับแปลก ๆ  ไม่ได้เว้นแม้แต่นักวิชาการและครูบาอาจารย์  โชคยังดีอยู่บ้างที่ยังเหลือ  ผู้  เข้มแข็งออกมาแสดงบทบาทให้ในระดับสาธารณะอยู่บ้างประปราย  เป็นกระแสธารน้อยที่ไหลแรงมิพักจะหยุดไหลมีบทบาทสมดังคำยกย่องของกวีของชาติ  เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์  ที่ว่า 
                                      ครูคือผู้ชี้นำทางความคิด   ให้รู้ถูกรู้ผิดคิดอ่านเขียน
                             ให้รู้ทุกข์ยากรู้พากเพียร             ให้รู้เปลี่ยนแปลงสู้รู้สร้างงาน
                             ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์    ให้สูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉาน
                             ครูคือผู้สั่งสมอุดมการณ์             ปณิธานเพื่อมวลชนใช่ตนเอง
          (กมลสมัย  วิชิระไชยโสภณ. นักวิชาการกับสังคม, “ก้าวไกล”. ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๑๒,หน้า ๒๓)  

          การเขียนสรุปด้วยคำถามให้ผู้อ่านเก็บไปคิดหรือไตร่ตรองต่อไป  

          ภาษาไทยปัจจุบันนี้กำลังเสื่อมมาก   ถึงเวลาหรือยังที่เราจะคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังน่าจะกำหนดไว้ในนโยบายของรัฐบาลได้แล้วว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการค้นคว้าศึกษาเรื่องภาษาไทยเพื่อเป็นการให้ภาษาไทยมีความเจริญมั่นคงสมกับที่ภาษาเป็นวัฒนธรรมสำคัญยิ่งของชาติ  
(เปลือง ณ นคร. ศาลฎีกาแห่งภาษา”.สารสถาบันภาษาไทย. ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๓หน้า ๒๔.)

          การเขียนสรุปด้วยการชักชวนให้ปฏิบัติตาม

          ที่กล่าวมานั้นเป็นวิธีการโกงการเลือกตั้งอย่างเห็นได้ชัด  ดังนั้นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งควรใช้วิจารณญาณของท่านตัดสินดูพฤติกรรมของผู้สมัครรับเลือกตั้งว่าเป็นเช่นไร  หากพบเห็นความไม่ชอบมาพากล  หรือพบการทุจริตอย่างเห็นได้ชัด  อย่าคิดว่าธุระไม่ใช่  แต่ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมเพื่อขจัดคนเลวให้พ้นจากวงจรประชาธิปไตยของเรา  ขอให้เราเริ่มต้นกันตั้งแต่บัดนี้เพื่อประชาธิปไตยที่สดใสของเราในวันหน้า  
          (สำนักงานสารนิเทศ.การซื้อเสียง”, ใน ใจถึงใจ เล่ม ๒. หน้า ๕๑.)

 

 เทคนิคการฝึกฝนการเขียนเรียงความ

          ๑. เลือกเรื่องที่ตนเองสนใจ

          ๒. เริ่มต้นจากการเขียนเรื่องง่ายๆ

          ๓. การเขียนครั้งแรกอาจเขียนเป็นประโยคคร่าวๆ ไว้ก่อน เพื่อเป็นการสร้างโครงเรื่อง

          ๔. ฝึกขยายข้อความจากประโยคหรือโครงเรื่องที่ตั้งไว้

          ๕. ลงมือเขียนทันทีที่พบเห็นสิ่งใดหรือเมื่อเกิดความคิดขึ้น

         

ขอขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล :  http://pensrithai.blogspot.com/2014/02/blog-post_5311.html

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นิทานเวตาล

กาพย์ฉบัง ๑๖

นิทานชาดก