คำแนะนำก่อนเรียนการเขียนเรียงความโลกส่วนตัว
คำแนะนำก่อนเรียน
การเขียนเรียงความโลกส่วนดัว
- ตัวชี้วัด ท ๓๑๑๐๑ กำหนดให้นักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ต้องสามารถเขียนเรียงความได้ โดยในระดับชั้น ม.๔ นักเรียนจะศึกษาการเขียนเรียงความโลกส่วนตัว
- ในการศึกษาเรื่องนี้ให้นักเรียนลงทะเบียนเรียนเพื่อเข้าชั้นเรียนทุกคนได้ที่
https://docs.google.com/forms/d/126T_iIajjB6EZWiCpIhDH75EXpn5M2YXEd7isaUd6Xo/edit
- ให้นักเรียนศึกษาเรื่องที่จะเรียนเรียงลำดับ ดังนี้
๑.หลักการเขียนเรียงความ
๒.การใช้โวหารในการเขียนเรียงความ
๓.เทคนิคการเขียนเรียงความ
๔.เรียงความโลกส่วนตัว
๕.ตัวอย่างการเขียนเรียงความโลกส่วนตัว
๖.การเก็บคะแนนเรียงความโลกส่วนตัว
๖.การเก็บคะแนนเรียงความโลกส่วนตัว
หลักการเขียนเรียงความ
ความหมายของเรียงความ
เรียงความเป็นงานเขียนชนิดหนึ่งที่ผู้เขียนมีจุดประสงค์จะถ่ายทอดความรู้ ความคิด ทรรศนะ ความรู้สึกความเข้าใจออกมาเป็นเรื่องราว ด้วยถ้อยคำสำนวนที่เรียบเรียงอย่างชัดเจนและท่วงทำนองการเขียนที่น่าอ่าน
การเลือกเรื่องที่จะเขียนเรียงความ
หากจะต้องเป็นผู้เลือกเรื่องเอง ควรเลือกตามความชอบหรือความถนัดของตนเองการค้นคว้าหาข้อมูลอาจทำได้โดยการค้นคว้าจากหนังสือ นิตยสาร วารสาร อินเทอร์เน็ต หรือสื่ออื่น ๆ
ประเภทของเรื่องที่จะเขียนเรียงความ
๑.เรื่องที่เขียนเพื่อความรู้
๒.เรื่องที่เขียนเพื่อความเข้าใจ
๓.เรื่องที่เขียนเพื่อโน้มน้าวใจ
องค์ประกอบของเรียงความ
เรียงความมีองค์ประกอบ ๓ ส่วน คือ คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป งานเขียนทุกประเภทจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสามส่วนนี้ ดังจะได้กล่าวถึงรายละเอียดขององค์ประกอบพร้อมกับกลวิธีการเขียนต่อไปนี้
๑.คำนำ เป็นส่วนหนึ่งของเรียงความส่วนแรกที่มีหน้าที่เปิดประเด็นเข้าสู่เรื่อง เป็นการบอกให้ผู้อ่านทราบว่าผู้เขียนจะเขียนเรื่องอะไร เพื่อชักนำให้คนสนใจอ่านเนื้อเรื่องต่อไป คำนำเป็นส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งของเรียงความเพราะเป็นส่วนช่วยดึงดูดให้ผู้อ่านหันมาสนใจเรื่องราวที่เขียน ผู้อ่านจะอ่านเรื่องต่อไปหรือไม่ ก็อยู่ที่คำนำ
๒.เนื้อเรื่อง หรือ เนื้อความ เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของการเขียนเรียงความ เพราะเป็นส่วนที่เสนอความรู้ ความคิดความเข้าใจทรรศนะหรือความรู้สึกของผู้เขียนให้แจ่มแจ้งโดยอาจจะยกอุทาหรณ์ สุภาษิตและประสบการณ์ของผู้เขียนมาสนับสนุนเรื่องที่เขียนได้
นักเรียนจะต้องคิดก่อนเป็นขั้นแรกว่า จะเลือกเขียนเรื่องอะไร มีวัตถุประสงค์และมีขอบเขตในการเขียนกว้างหรือแคบเพียงใด เมื่อคิดวางแผนเป็นลำดับดังกล่าวแล้ว ก็เริ่มเขียนโครงเรื่องเพื่อเป็นแนวทางในการเขียน
ขั้นตอนต่อไปคือการเรียงเนื้อหาไปตามโครงเรื่องที่ได้กำหนดไว้ โครงเรื่องที่กำหนดไว้เป็นข้อๆ นั้นก็คือเนื้อหาในย่อหน้าหนึ่ง ๆ นั่นเอง เมื่อจะขยายความแต่ละหัวข้อก็ย่อมจะได้ย่อหน้าที่มีเนื้อหาเป็นเอกภาพและมีน้ำหนัก และถ้าเขียนแต่ละย่อหน้ามีประโยคใจความสำคัญ และมีประโยคขยายความที่สนับสนุนประโยคใจความสำคัญอย่างชัดเจนแล้ว เรียงความเรื่องนั้นก็จะเป็นเรียงความที่มีเนื้อหาสมบูรณ์เรียงความแต่ละเรื่องจะมีย่อหน้าเรื่องเท่าใดก็ได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่เรียงความเรื่องหนึ่งจะมีย่อหน้าเนื้อเรื่องเพียงย่อหน้าเดียว
ในการเขียนเรียงความนั้น การใช้ถ้อยคำภาษาเป็นสิ่งสำคัญมาก นักเรียนจะต้องพิถีพิถันในการใช้ภาษา ภาษาที่ใช้ต้องเป็นภาษาแบบเป็นทางการ กล่าวคือภาษาจะถูกต้องตามหลักการเขียน มีการเลือกสรรถ้อยคำมาเรียบเรียงให้กะทัดรัด ชัดเจนอ่านเข้าใจง่าย ราบรื่น สละสลวย และมีลีลาการเขียนที่น่าสนใจ
๓.สรุป เป็นส่วนสุดท้ายของเรียงความที่ผู้เขียนจะเน้นความรู้ ความคิดหลักหรือประเด็นสำคัญของเรื่องที่เขียนอีกครั้งหนึ่ง การสรุปนับว่ามีส่วนสำคัญเท่ากับคำนำ เพราะเป็นส่วนช่วยเสริมให้เรียงความมีคุณค่าขึ้น
การวางโครงเรื่องก่อนเขียน
เมื่อได้หัวข้อเรื่องแล้ว ต้องวางโครงเรื่องโดยคำนึงถึงการจัดวางลำดับหัวข้อเรื่องที่จะเขียนให้สัมพันธ์ ต่อเนื่องกัน เช่น
- จัดลำดับหัวข้อตามเวลาที่เกิด
- จัดลำดับหัวข้อจากหน่วยเล็กไปสู่หน่วยใหญ่
- จัดลำดับตามความนิยม
โครงเรื่องของงานเขียนควรจัดหมวดหมู่ของแนวคิดสำคัญเพื่อเป็นแนวทางในการเขียน โครงเรื่องเปรียบเสมือนแปลนบ้านผู้สร้างบ้านจะต้องใช้แปลนบ้านเป็นแนวทางในการสร้างบ้าน การเขียนโครงเรื่องจึงมีความสำคัญทำให้ผู้เขียนเรียงความเขียนได้ตรงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ ถ้าไม่เขียนโครงเรื่องหรือไม่วางโครงเรื่องเรียงความอาจจะออกมาไม่ตรงตามที่ผู้เขียนต้องการ
การเขียนย่อหน้า
การย่อหน้าเป็นสิ่งจำเป็นอีกอย่างหนึ่ง เพราะจะช่วยให้ผู้อ่านอ่านเข้าใจง่ายและอ่านได้เร็ว มีช่องว่างให้ได้พักสายตา ผู้เขียนเรียงความได้ดีต้องรู้หลักในการเขียนย่อหน้าและนำย่อหน้าแต่ละย่อหน้ามาเชื่อมโยงให้สัมพันธ์กัน ในย่อหน้าหนึ่ง ๆ ต้องมีสาระเพียงประการเดียว ถ้าจะขึ้นสาระสำคัญใหม่ให้เขียนในย่อหน้าต่อไป ดังนั้นการย่อหน้าจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับสาระสำคัญที่ต้องการเขียนถึงในเนื้อเรื่อง แต่อย่างน้อยเรียงความต้องมี ๓ ย่อหน้า คือย่อหน้าที่เป็นคำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป
การเชื่อมโยงย่อหน้า
การเชื่อมโยงย่อหน้าทำให้เกิดสัมพันธภาพระหว่างย่อหน้าเรียงความเรื่องหนึ่งย่อมประกอบด้วยย่อหน้าหลายย่อหน้าการเรียงลำดับย่อหน้าตามความเหมาะสมจะทำให้ข้อความเกี่ยวเนื่องเป็นเรื่องเดียวกัน วิธีการเชื่อมโยงย่อหน้าแต่ละย่อหน้าก็เช่นเดียวกันกับการจัดระเบียบความคิดในการวางโครงเรื่องซึ่งมีด้วยกัน ๔ วิธีคือ
๑. การลำดับย่อหน้าตามเวลาอาจลำดับตามเวลาในปฏิทินหรือตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง
๒. การลำดับย่อหน้าตามสถานที่เรียงลำดับข้อมูลตามสถานที่หรือตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
๓. การลำดับย่อหน้าตามความสำคัญ เรียงลำดับตามความสำคัญมากที่สุด สำคัญรองลงมาไปถึงสำคัญน้อยที่สุด
๔. การลำดับย่อหน้าตามเหตุผล อาจเรียงลำดับจากเหตุไปหาผลหรือผลไปหาเหตุ
ตัวอย่างเรียงความ (แสดงให้เห็นคำนำ เนื้อเรื่อง และสรุปที่ชัดเจน)
วันพ่อแห่งชาติ
โดย นายวุฒิชัย เจาะโพ
ชายคนหนึ่งต้องทำงานหนัก ชายคนหนึ่งต้องตื่นแต่เช้า ชายคนหนึ่งต้องหาเช้ากินค่ำ ชายคนหนึ่งต้องตากแดดตากฝน ชายคนหนึ่งต้องอดมื้อกินมื้อ ชายคนหนึ่งกินข้าวไม่ค่อยอิ่ม ชายคนหนึ่งต้องใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ชายคนหนึ่งต้องทำไร่ทำนา ชายคนหนึ่งที่เคยผ่านอะไรมามากมาย ชายคนหนึ่งโดนมีดบาดมือเป็นประจำ ชายคนหนึ่งสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดี ชายคนนั้นอายุมากแล้ว ชายคนหนึ่งกำลังเฝ้ารอคอยการกลับมาของใครบางคน...ชายคนนั้นก็คือพ่อของผม
ผมเป็นลูกชาวนาจน ๆ คนหนึ่งในช่วงหน้าฝนนั้นพ่อจะพาผมไปที่ไร่เพื่อดายหญ้า ถางหญ้า ล้อมรั้วรอบ ๆ ไร่ เพื่อไม่ให้วัวควายเข้าไปในไร่ ให้วัวควายเข้าไปเฉพาะในนาเท่านั้น พ่อของผมท่านไม่ค่อยได้พักผ่อน เพราะมีงานให้ทำอยู่มากมายพ่อมักจะโดนมีดบาดมืออยู่เสมอ เพราะท่านเป็นคนที่ขยัน เร่งรีบ และใจร้อน พ่อของผมท่านต้องทำงานเกือบทุกอย่างเพื่อทำหน้าที่ผู้นำครอบครัว ผมมีพี่น้องอยู่หลายคน แต่ส่วนใหญ่แต่งงานกันหมดแล้ว และต้องสร้างครอบครัวของตนเอง ทำให้ไม่ค่อยมีเวลามาดูแลพ่อกับแม่ ส่วนที่เหลือก็กำลังเรียนอยู่
พี่สาวของผมที่กำลังเรียนอยู่นั้นได้กลับบ้านเป็นประจำ เพราะโรงเรียนอยู่ไม่ไกล ผมเป็นลูกคนสุดท้องไม่ค่อยได้กลับบ้าน เพราะโรงเรียนของผมนั้นอยู่ห่างไกลจากบ้าน ทำให้ไม่ค่อยได้อยู่ดูแลพ่อกับแม่ ซึ่งท่านทั้งสองนั้นมีอายุมากแล้วแต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมสามารถทำเพื่อท่านได้ นั่นก็คือ ตั้งใจเรียนสวดมนต์อธิษฐานภาวนาเพื่อท่านให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พ่อมักจะสอนผมอยู่เสมอว่าต้องตั้งใจเรียน เรียนให้สูง ๆ จะได้มีงานทำที่ดีไม่ต้องลำบากเหมือนกับท่าน พ่อสอนสานตะกร้าด้วยไม้ไผ่ ทำด้ามมีด ด้ามจอบ ด้ามเสียม ลับมีด เลื่อยไม้ ตอกตะปูและอะไรต่าง ๆ ให้ผมมากมาย พอถึงหน้าฝนพ่อจะสอนให้ผมดำนาเป็น เกี่ยวข้าวเป็น ตีข้าวเป็น ตำข้าวเป็น
ในตอนเด็ก ๆ นั้น พ่อผมจะเล่านิทานให้ผมฟังก่อนนอนทุกครั้ง ตอนนี้ผมยังจำนิทานทุกเรื่องที่พ่อเล่าให้ผมฟังได้อยู่ ตอนนี้พ่อของผมท่านอายุมากแล้วทำให้สุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง พ่อมักจะปวดหลัง ปวดหัวอยู่เสมอ ผมจึงนวดหลังให้พ่ออยู่เสมอเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อย เมื่อถึงเวลาเปิดเรียน ผมต้องเดินทางไปเรียนทุกครั้งที่ผมจะไปเรียนนั้น แม่ของผมท่านจะร้องไห้ทุกครั้งผมต้องปลอบใจแม่ทุกครั้ง ก่อนเดินทางไปเรียนในช่วงเปิดเรียน ผมเป็นห่วงท่านทั้งสองและคิดถึงท่านทั้งสองเสมอ เนื่องในโอกาสวันพ่อแห่งชาตินี้ ผมขอให้พ่อมีสุขภาพร่างกายที่สมบรูณ์และอยากบอกพ่อว่า "ผมรักพ่อ"
การใช้โวหารในการเขียนเรียงความ
โวหาร หมายถึง วิธีการเขียนเรียบเรียงข้อความให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง โวหารที่ใช้ในการเขียนเรียงความ ได้แก่ พรรณนาโวหาร บรรยายโวหาร อุปมาโวหาร เทศนาโวหาร สาธกโวหารและอธิบายโวหาร
๑. บรรยายโวหาร หมายถึง การเขียนอธิบายหรือบรรยายเหตุการณ์ที่เป็นข้อเท็จจริงตามลำดับเหตุการณ์ เป็นการเขียนตรงไปตรงมา ไม่เยิ่นเย้อ มุ่งความชัดเจนเพื่อให้ผู้อ่านได้รับความรู้ ความเข้าใจ เช่น การเขียนเล่าเรื่อง เล่าเหตุการณ์ การเขียนรายงาน เขียนตำราและเขียนบทความ
“ช้างยกขาหน้าให้ควาญเหยียบขึ้นนั่งบนคอตัวมันสูงใหญ่ใบหูไหวพะเยิบ หญิงบนเรือนลงบันไดมาข้างล่าง เธอชูแขนยื่นผ้าขาวม้าและข้าวห่อใบตองขึ้นมาให้เขา”
๒. พรรณนาโวหาร หมายถึง การเรียบเรียงข้อความโดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับบุคคล สิ่งของ ธรรมชาติ สภาพแวดล้อม ตลอดจนความรู้สึกต่างๆของผู้เขียน โดยเน้นให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ความรู้สึกร่วมกับผู้เขียน
“ สมใจเป็นสาวงามที่มีลำแขนขาวผ่องทั้งกลมเรียวและอ่อนหยัดผิวขาวละเอียดเช่นเดียวกับแขน ประกอบด้วยหลังมืออวบนูน นิ้วเล็กเรียว หลังเล็บมีสีดังกลีบดอกบัวแรกแย้ม”
๓. เทศนาโวหารหมายถึง การเขียนอธิบาย ชี้แจงให้ผู้อ่านเข้าใจ ชี้ให้เห็นประโยชน์หรือโทษของเรื่องที่กล่าวถึง เป็นการชักจูงให้ผู้อื่นคล้อยตาม เห็นด้วยหรือเพื่อแนะนำสั่งสอนปลุกใจหรือเพื่อให้ข้อคิดคติเตือนใจผู้อ่าน
“ การทำความดีนั้นเมื่อทำแล้วก็แล้วกัน อย่าได้นำมาคิดถึงบ่อย ราวกับว่าการทำความดีนั้นช่างยิ่งใหญ่นัก ใครก็ทำไม่ได้เหมือนเรา ถ้าคิดเช่นนั้นความดีนั้นก็จะเหลือเพียงครึ่งเดียวแต่ถ้าทำแล้วก็ไม่น่านำมาใส่ใจอีก คิดแต่จะทำอะไรต่อไปอีกจึงจะดี จึงจะเป็นความดีทีสมบูรณ์ ไม่ตกไม่หล่น”
๔. อุปมาโวหาร หมายถึง การเขียนเป็นสำนวนเปรียบเทียบที่มีความคล้ายคลึงกัน เพื่อทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยการเปรียบเทียบสิ่งของที่เหมือนกัน เปรียบเทียบโดยโยงความคิดไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง หรือเปรียบเทียบข้อความตรงกันข้ามหรือข้อความที่ขัดแย้งกัน
“ อันว่าแก้วกระจกรวมอยู่กับสุวรรณย่อมได้แสงจับเป็นเลื่อมพรายคล้ายมรกต ผู้ที่โง่เขลาแม้ได้อยู่ใกล้นักปราชญ์ ก็อาจเป็นคนเฉลียวฉลาดได้ฉันเดียวกัน”
๕. สาธกโวหาร หมายถึง การหยิบตัวอย่างมาอ้างอิงประกอบการอธิบายเพื่อสนับสนุนข้อความที่เขียนไว้ให้ผู้อ่านเข้าใจ และเกิดความเชื่อถือ
“ อำนาจความสัตย์เป็นอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงแต่จับหัวใจคน แม้แต่สัตว์ก็ยังมีความรู้สึกในความสัตย์ซื่อ เมื่อกวนอูตายแล้วม้าของกวนอูก็ไม่ยอมกินหญ้ากินน้ำและตายตามเจ้าของไปในไม่ช้า ไม่ยอมให้หลังของมันสัมผัสกับผู้อื่นนอกจากนายของมัน”
หลักการใช้สำนวนภาษาในเรียงความ
๑. ใช้ภาษาให้ถูกหลัก
๒.ไม่ควรใช้ภาษาพูด
๓. ไม่ควรใช้ภาษาแสลง
๔. ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์ยากที่ไม่จำเป็น
๕. ใช้คำให้ถูกต้องตามกาลเทศะและบุคคล
๖. ผูกประโยคให้กระชับ
สิ่งที่ควรคำนึงในการเขียนเรียงความ
๑. เนื้อความในย่อหน้าต้องเสนอความคิดที่เป็นประเด็นเดียวกัน มีความเป็นเอกภาพ และแต่ละย่อหน้าต้องมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์ เรียบเรียงตามลำดับความคิดเป็นเรื่องเดียวกัน
๒. การเตรียมความรู้และความคิดในการเขียนเรียงความ จำเป็นต้องเลือกเขียนเรียงความในเรื่องที่ตนเองมีความรู้และความสนใจ รวมทั้งมีข้อมูลในการเขียนมากที่สุด
๓. การเลือกใช้ถ้อยคำ ควรคำนึงถึงความเหมาะสมของเรื่องที่จะเขียน มีการใช้โวหารประกอบ ใช้ภาษาระดับทางการ ส่วนภาษาพูด คำทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ คำย่อไม่ควรนำมาใช้ในการเขียนเรียงความ
๔. กลไกในการเขียนเกี่ยวกับการเขียนตัวสะกด การันต์ การเว้นวรรคตอน การเรียบเรียงถ้อยคำ การใช้ภาษา การเลือกสรรคำที่เหมาะสมและถูกต้อง สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้งานเขียนเรียงความมีความงดงามและน่าติดตามอ่านจนจบ
เมื่อนักเรียนได้ดำเนินการตามขั้นตอนในการเขียนเรียงความมาโดยลำดับ นับตั้งแต่การเลือกเรื่องการเขียนโครงเรื่อง การเรียบเรียงเนื้อเรื่องตามองค์ประกอบของเรียงความและการเขียนย่อหน้าที่ดีนักเรียนก็จะได้เรียงความเรื่องหนึ่ง แต่เรียงความเรื่องนั้นยังนับว่าไม่สมบูรณ์ ถ้านักเรียนยังไม่ได้ทบทวนเพื่อแก้ไขปรับปรุง การตรวจทานเป็นขั้นตอนการเขียนขั้นสุดท้ายที่จำเป็น ไม่ควรละเลยขั้นตอนนี้อย่างเด็ดขาด เพราะจะได้ตรวจทานว่าเรื่องนั้นมีภาษาและเนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์อีกครั้งหนึ่งก่อนส่งงาน
เทคนิคการเขียนเรียงความ
ลักษณะเรียงความที่ดี
๑.มีเอกภาพ หมายความว่า เนื้อเรื่องจะต้องมีเนื้อหาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่กล่าวนอกเรื่อง เรียงความจะมีเอกภาพหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการวางโครงเรื่อง
๒.มีสัมพันธภาพ หมายความว่า เนื้อหาจะต้องมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันตลอดทั้งเรื่อง ความสัมพันธ์ต่อเนื่องของเนื้อหาเกิดจากการจัดลำดับความคิดการวางโครงเรื่องที่ดีและเกิดจากการเรียบเรียงย่อหน้าอย่างมีระบบ
๓.มีสารัตถภาพ หมายความว่า เรียงความแต่ละเรื่องจะต้องมีสาระสมบูรณ์ตลอดทั้งเรื่องความสมบูรณ์ของเนื้อหาเกิดจากการวางโครงเรื่องที่ดี
หลักการเขียนคำนำ
นักเรียนจะต้องเลือกวิธีการเขียนคำนำให้เหมาะสมกับประเภทของงานเขียนเนื้อหาที่เขียน รวมทั้งผู้รับสารด้วย ปกติมักจะนิยมเขียนคำนำเพียงย่อหน้าเดียว การเขียนคำนำสามารถกระทำได้หลายวิธี
ลักษณะของคำนำที่ดี
- ควรเขียนคำนำให้ตรงและสอดคล้องกับเรื่องที่เขียน
- ไม่ควรเขียนคำนำที่อ้อมค้อม มีเนื้อหาไกลจากเรื่องที่เขียน อาจทำให้ผู้อ่านไม่ทราบจุดประสงค์ชัดเจนว่าจะเขียนเรื่องอะไร
- ไม่ควรเขียนคำนำที่ยาวเกินไป ไม่ได้สัดส่วนกับเนื้อเรื่อง คำนำที่ดีควรมีเพียงย่อหน้าเดียวเท่านั้นอาจมีความยาวประมาณ ๕-๗ บรรทัด (ยกเว้นมีคำประพันธ์ผสมอยู่ด้วย)
- ในการเขียนคำนำไม่ควรออกตัวว่าไม่พร้อม หรือไม่เชี่ยวชาญในเรื่องที่เขียนซึ่งอาจมีผลทำให้ผู้อ่านไม่มั่นใจและไม่สนใจในการอ่านได้
- คำนำที่ดี คือ คำนำที่บอกให้รู้ได้ทันทีว่าจะเขียนอะไร และต้องเขียนให้กระชับและเร้าความสนใจด้วย
ตัวอย่างการเขียนคำนำที่ดี
คำนำเริ่มด้วยการยกคำพูด คำคม หรือสุภาษิตที่น่าสนใจ
“ใครทำให้ข้าเสียใจชั่วครู่ ข้าจะทำให้มันเสียใจไปตลอดชีวิต” เป็นคำกล่าวของพระนางซูสีไทเฮาผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยปลายราชวงศ์ชิง ซึ่งมิใช่คำขู่หรือคำเล่าลือที่ไร้ความจริง ความยำเกรงของผู้คนทั้งในราชสำนักทหารพลเรือนและประชาชนทั่วแผ่นดินที่มีต่อพระนางเป็นสิ่งยืนยันคำกล่าวข้างตนนี้เป็นอย่างดีและยังบอกให้รู้ถึงอำนาจอันล้นฟ้าของผู้อยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์และองค์จักรพรรดิเป็นเวลานานถึง ๔๗ ปี”
(ดวงดาว ทิฆัมพร. “ซูสีไทเฮา หญิงบ้านนอกผู้ตั้งตัวเป็นเจ้าชีวิต,” มิติใหม่. ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๔, หน้า ๗๔)
คำนำที่เริ่มด้วยบทร้อยกรอง
“สงสารคำทำการนานแล้ว ดูไม่แคล้วตาไปในหนังสือ
มันถูกใช้หลายอย่างไม่วางมือ แต่ละมื้อตรำตรากยากเต็มที
ตำรวจเห็นโจรหาญทำการจับ โจรมันกลับวิ่งทะยานทำการหนี
ทำการป่วยเป็นลมล้มพอดี ทำการจี้จับหมายว่าตายเอย”
วันนี้เริ่มต้นด้วยคำกลอนให้เต็มที่เสียหน่อย เปล่า ผู้เขียนไม่ได้เก่งกาจถึงกับแต่งขึ้นมาเองดอกแต่กลอนข้างบนนี้เป็นพระนิพนธ์ของ น.ม.ส. ปรากฏในหนังสือประมวญวันเกือบ ๔๐ ปีมาแล้ว แสดงว่ามีคนรำคาญคำว่า ทำการ กันมานานแสนนานแล้วถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังรำคาญอยู่ เพราะแม้แต่ในรายการโทรทัศน์ยอดนิยม รายการหนึ่ง คือ รายการภาษาไทยวันละคำ ก็ยังกล่าวไว้
(นิตยา กาญจนวรรณ, “เรื่องของ “ทำการ””ใน พูดจาภาษาไทย, หน้า ๑๕๙)
คำนำที่โน้มน้าวและชักจูงให้ผู้อ่านเห็นคล้อยตาม
กินมากแล้วก็ต้องอ้วนเป็นเรื่องธรรมดาที่รู้ ๆ กันอยู่ แต่คนสมัยนี้ไม่อยากอ้วนเพราะอ้วนแล้วสร้างปัญหาให้มากมาย ทั้งโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคเกาต์ และโรคความดันโลหิตสูง บางครั้งก็มีปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คนส่วนใหญ่จึงอยากจะผอม แต่ถ้าต้องการผอมก็หยุดกิน เรื่องที่จะทำให้คนอ้วนหยุดกินเป็นการแนะนำง่าย แต่ปฏิบัติตามได้ยาก การสอนคนอ้วนให้กินอย่างถูกวิธี จึงน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า
(วินัย ดะส์ลัน, “กินให้ผอม.” เนชั่นสุดสัปดาห์, ปีที่ ๔ แบบฉบับที่ ๑๙๖, (๘-๑๔ มีนาคม ๒๕๓๙)
คำนำที่กล่าวถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะเขียนเพื่อนำเข้าสู่เรื่อง
ในบรรดาสิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุด ได้แก่ สถูปเจดีย์และสถูปเจดีย์ที่มีทั้งความเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเมืองไทยแห่งหนึ่ง คือ พระปฐมเจดีย์
(วิบูลย์ ลี้สุวรรณ, “พระปฐมเจดีย์” ใน ๕ นาทีกับศิลปะไทย, หน้า ๒๓๓.)
คำนำที่เริ่มด้วยคำถามหรือข้อความประหลาดใจ
ในนิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่มีข้อความบางตอนอ้างถึงของวิเศษอย่างหนึ่งเรียกว่าตราราหู มีลักษณะประหลาดโดยรูปลักษณ์และคุณสมบัติทำให้เกิดความทึ่งแก่ผู้อ่านว่า สิ่งนี้คืออะไรแน่ และสุนทรภู่ไปได้ความคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้มาจากไหน เรื่องตราราหูเป็นอย่างไรน่าจะพิจารณาดู
(ศักดิ์ศรี แย้มนัดดา. “ตราราหูในพระอภัยมณี.” ใน วรรณวิทยา. หน้า ๙๑)
วิธีการเขียนสรุป
การสรุปควรมีเนื้อหาสอดคล้องกับคำนำและประเด็นของเรื่อง ย่อหน้าสรุปไม่ควรยาว (ประมาณ ๕ บรรทัด อาจมีคำประพันธ์ประสมอยู่ด้วย) แต่ให้มีใจความกระชับประทับใจผู้อ่าน วิธีการสรุปมีหลายวิธี นักเรียนอาจนำวิธีการเขียนคำนำบางวิธีมาใช้ในการสรุปได้ เช่น การสรุปด้วยคำถาม การสรุปด้วยคำคม สุภาษิต และบทร้อยกรองหรือสรุปด้วยข้อความที่ให้แง่คิด เป็นต้น
ตัวอย่างการเขียนสรุปความที่ดี
การเขียนสรุปด้วยการฝากข้อคิดและความประทับใจให้แก่ผู้อ่าน
ดังนั้นถ้าเราอยากให้น้ำใจเกิดขึ้นในสังคมของเรา ต้องลงมือปฏิบัติด้วยตนเองกันทุกคน อย่ามัวเรียกร้องให้คนอื่นมีน้ำใจเพราะถ้าเราไม่มีน้ำใจ การเรียกร้องให้ผู้อื่นมีน้ำใจต่อเราจะกลายเป็นความเห็นแก่ตัว และถ้าเรามีน้ำใจแล้วก็ไม่ต้องเรียกร้องให้ใครมีน้ำใจ น้ำใจของเราต่างหากที่จะเพาะความมีน้ำใจให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นโดยไม่ต้องเรียกร้อง
(ปรีชา ช้างขวัญยืน.“คอลัมน์ปากกาขนนก เรื่องน้ำใจ,สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์.ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๒๗,หน้า ๕๘.)
การเขียนสรุปด้วยข้อคำคม สุภาษิต และบทร้อยกรอง
ขณะนี้อวิชาอันเนื่องมากจากลัทธิบริโภคนิยมได้เข้าไปสั่นคลอนจรรยาบรรณในทุกวิชาชีพ ทำให้ผู้คนมักมากและมีวิธีการสร้างความยอมรับแปลก ๆ ไม่ได้เว้นแม้แต่นักวิชาการและครูบาอาจารย์ โชคยังดีอยู่บ้างที่ยังเหลือ ผู้ เข้มแข็งออกมาแสดงบทบาทให้ในระดับสาธารณะอยู่บ้างประปราย เป็นกระแสธารน้อยที่ไหลแรงมิพักจะหยุดไหลมีบทบาทสมดังคำยกย่องของกวีของชาติ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่ว่า
ครูคือผู้ชี้นำทางความคิด ให้รู้ถูกรู้ผิดคิดอ่านเขียน
ให้รู้ทุกข์ยากรู้พากเพียร ให้รู้เปลี่ยนแปลงสู้รู้สร้างงาน
ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์ ให้สูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉาน
ครูคือผู้สั่งสมอุดมการณ์ ปณิธานเพื่อมวลชนใช่ตนเอง
(กมลสมัย วิชิระไชยโสภณ. นักวิชาการกับสังคม, “ก้าวไกล”. ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๑๒,หน้า ๒๓)
การเขียนสรุปด้วยคำถามให้ผู้อ่านเก็บไปคิดหรือไตร่ตรองต่อไป
ภาษาไทยปัจจุบันนี้กำลังเสื่อมมาก ถึงเวลาหรือยังที่เราจะคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังน่าจะกำหนดไว้ในนโยบายของรัฐบาลได้แล้วว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการค้นคว้าศึกษาเรื่องภาษาไทยเพื่อเป็นการให้ภาษาไทยมีความเจริญมั่นคงสมกับที่ภาษาเป็นวัฒนธรรมสำคัญยิ่งของชาติ
(เปลือง ณ นคร. “ศาลฎีกาแห่งภาษา”.สารสถาบันภาษาไทย. ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๓, หน้า ๒๔.)
การเขียนสรุปด้วยการชักชวนให้ปฏิบัติตาม
ที่กล่าวมานั้นเป็นวิธีการโกงการเลือกตั้งอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งควรใช้วิจารณญาณของท่านตัดสินดูพฤติกรรมของผู้สมัครรับเลือกตั้งว่าเป็นเช่นไร หากพบเห็นความไม่ชอบมาพากล หรือพบการทุจริตอย่างเห็นได้ชัด อย่าคิดว่าธุระไม่ใช่ แต่ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมเพื่อขจัดคนเลวให้พ้นจากวงจรประชาธิปไตยของเรา ขอให้เราเริ่มต้นกันตั้งแต่บัดนี้เพื่อประชาธิปไตยที่สดใสของเราในวันหน้า
(สำนักงานสารนิเทศ.“การซื้อเสียง”, ใน ใจถึงใจ เล่ม ๒. หน้า ๕๑.)
เทคนิคการฝึกฝนการเขียนเรียงความ
๑. เลือกเรื่องที่ตนเองสนใจ
๒. เริ่มต้นจากการเขียนเรื่องง่ายๆ
๓. การเขียนครั้งแรกอาจเขียนเป็นประโยคคร่าวๆ ไว้ก่อน เพื่อเป็นการสร้างโครงเรื่อง
๔. ฝึกขยายข้อความจากประโยคหรือโครงเรื่องที่ตั้งไว้
๕. ลงมือเขียนทันทีที่พบเห็นสิ่งใดหรือเมื่อเกิดความคิดขึ้น
การเขียนเรียงความโลกส่วนตัว
ความหมายของส่วนตัวและเรื่องส่วนตัว
ส่วนตัว หมายถึง ว. เฉพาะตัว เฉพาะบุคคล
เรื่องส่วนตัว หมายถึง เรื่องราวเฉพาะของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ขั้นตอนพื้นฐานในการเขียนเรียงความเกี่ยวกับโลกส่วนตัว
การเขียนเรียงความเกี่ยวกับโลกส่วนตัวจะเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ ข้อคิดจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง ที่นักเรียนนำมาบันทึกตามความถนัดหรือความพึงพอใจของแต่ละคน ทั้งนี้โดยทั่วไปจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
ขั้นที่ ๑ หาเวลาว่างที่เป็นส่วนตัว ใช้เวลาคิดคำนึงถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้น ทั้งนี้นักเรียนต้องทำด้วยความรู้สึกพอใจ ไม่เคร่งเครียด เร่งรัด และต้องเป็นเรื่องที่เมื่อถ่ายทอดออกมาแล้วต้องไม่รู้สึกว่าทำให้เกิดความผิดและเกิดความเสียหายต่อตนเอง ครอบครัวและส่วนรวม
ขั้นที่ ๒ เลือกมุมสงบในบ้านที่มีบรรยากาศเอื้ออำนวยในการใช้ความคิด
ขั้นที่ ๓ เตรียมอุปกรณ์เครื่องเขียนและกระดาษให้พร้อมอยู่เสมอ
ขั้นที่ ๔ เขียนหรือบันทึกความคิดต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นหรือกำลังเกิดขึ้น ถึงแม้จะเป็นความคิดเพียงช่วงสั้น ๆ แล้วจึงรวบรวมความคิดจัดเป็นเรื่อง ๆ
ขั้นที่ ๕ เรียบเรียงเรื่องราวใหม่ โดยพิจารณาว่าข้อคิดใดมีความสำคัญที่สุด
ขั้นที่ ๖ เขียนเป็นเรื่องราวและมีความยาวพอเหมาะ แล้วจึงทบทวนและตัดส่วนที่ไม่ต้องการออก เติมส่วนใหม่ที่คิดว่าเหมาะสมลงไป แล้วเขียนเรียงเป็นความเรียงที่สมบูรณ์ โดยมีส่วนของนำเรื่อง (คำนำ) เนื้อเรื่องและสรุป
แนวปฏิบัติในการตั้งชื่อเรื่อง
๑. ควรคิดชื่อเรื่องไว้ก่อน ระหว่าง หรือหลังการเขียนเรื่องจบลงก็ได้
๒. ชื่อเรื่องควรกระชับ น่าสนใจและสื่อความหมายตรงกับเรื่องที่เขียน
๓. ชื่อเรื่องที่ตั้งอาจมีชื่อหลักและชื่อรองก็ได้
เช่น การศึกษาไทย...พัฒนาจริงหรือ
ครูจันทนา : ครูดีที่ฉันรัก
วีรเทพ : มิตรแท้ของฉัน
ตัวอย่างเรียงความโลกส่วนตัว
ตัวอย่างเรียงความที่ดี (ที่ได้รับรางวัลการประกวด)
ทำไมเราจึงรัก พระเจ้าอยู่หัว
โดย นางสาวมยุดา สมเพ็ชร
หนูเป็นเด็กต่างจังหวัดอยู่ปักษ์ใต้ ตั้งแต่จำความได้ในทีวีหนูก็เห็นรูปผู้ชายคนหนึ่งเดินนำหน้าแล้วมีผู้คนเดินตามหลังท่านมากมายไปหมด พร้อมกันนั้นก็มีผู้คนนั่งกับพื้นต้อนรับท่านทุกที่ที่ท่านไป ผู้ชายคนนั้นเป็นใครนะ จนโตหนูถึงได้รู้ว่า เขาคือผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินเกิดของหนูเอง และหนูก็เห็นพระราชกรณียกิจของท่านเยอะแยะมากมายทางทีวี จนทำให้หนูปลาบปลื้มท่านมากยิ่งเป็นช่วงหน้าฝน ฝนตกหนัก น้ำท่วมท่านก็เสด็จไปปักษ์ใต้เพื่อดูปัญหาความเดือดร้อน และท่านก็โปรดให้สร้างเขื่อนคลองชลประทาน ส่วนช่วงหน้าแล้งท่านก็เสด็จไปภาคอีสาน ไปดูความแห้งแล้งของคนอีสาน และท่านก็ทำฝนเทียมช่วยเหลือประชาชน
หนูได้แต่คิดตลอดเวลาว่า... ทำไมผู้ชายคนนี้ต้องลำบากตัวเองขนาดนี้ ท่านเดินทางไปทุกที่ที่ทุรกันดารและสุดแสนจะลำบาก ท่านทรงทำทุกอย่างเพื่อประชาชนทั้งประเทศ ท่านทรงเก่งมากสามารถรู้หมดว่าในพื้นที่เมืองไทยว่าตรงไหนเป็นภูมิประเทศลักษณะไหน แอ่งน้ำ ภูเขา อย่างเช่น ใกล้บ้านหนูที่ อ.ปากพนัง ท่านก็ทำอ่างเก็บน้ำใหญ่โตมากเพื่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และอำนวยประโยชน์ต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในบริเวณ อ.ปากพนัง ญาติพี่น้องหนูที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นได้ประกอบอาชีพทั้งการเกษตรและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ทั้งปี
สำหรับตัวหนูแล้ว หนูคิดและฝันไว้ว่าสักวันหนึ่งหนูจะต้องเห็นผู้ชายคนนี้ตัวจริง ๆ สักครั้งในชีวิต แล้วหนูก็มีความพยายามมาก คือวันที่ 4 ธันวาคม 2549 ซึ่งก่อนวันเกิดท่าน 1 วัน เพราะวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันพ่อแห่งชาติหนูทราบข่าวว่าท่านจะเสด็จกลับจากวังไกลกังวล เพื่อมาร่วมงานที่ทางรัฐบาลได้จัดขึ้น หนูก็เลยมารอรับเสด็จท่านอยู่หน้าโรงเรียนสวนจิตรลดา ท่านเสด็จมาตอนเกือบ 1 ทุ่ม ท่านนั่งมากับพระราชินี พระราชินีท่านโบกมือให้หนู แต่พระเจ้าอยู่หัวนั่งนิ่งมากค่ะ แต่หนูเห็นพระพักตร์ท่านชัดมาก หนูดีใจมาก และก่อนหน้านี้หนูก็ไปงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 ที่มีผู้คนเป็นแสน หนูก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีความพยายาม หนูขอลาพักร้อนไป 1 วัน เพื่อไปเฝ้ารับเสด็จท่านที่ลานพระรูปทรงม้า หนูตื่นตั้งแต่ ตี 4 ซื้อน้ำเปล่า 1 ขวด กับ ขนมปัง 1 ถุง เพื่อไปรอรับเสด็จท่าน ถึงขนาดที่รอนั้นหนูลำบากขนาดไหนห้องน้ำก็ไม่พอ ร้อนก็ร้อน แต่หนูทนได้ค่ะ เพราะหนูคิดว่า...ท่านทรงเหนื่อยกว่าหนูมากมายนัก และท่านก็เหนื่อยมาตลอดชีวิตของท่านเพื่อประชาชนของท่าน และท่านก็ออกมาจากหน้าต่างมาโบกไม้โบกมือให้กับหนูและคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ และทุกท่านก็โบกธงและพูดพร้อมกันว่า...
ขอให้ท่านทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ พร้อม ๆ กันเสียงก้องดังมาก หนูคิดว่าสิ่งที่หนูเห็นและได้ยินนั้นคือ บารมีที่ท่านได้ทำไว้ทุกคนพร้อมใจกันเปล่งเสียงดังตะโกนโดยไม่มีใครมาบอกคนที่นั่งว่าต้องตะโกนแบบนี้นะ แต่ทุกคนก็เปล่งเสียงดังออกมาพร้อมกัน หนูรู้สึกปลาบปลื้มใจมากจนขนลุกซู่
หนูคงบรรยายความรู้สึกที่มีต่อท่านได้ไม่หมดหน้ากระดาษแค่แผ่นเดียว เพราะทุกกิจกรรมไม่ว่าที่เมืองทองที่ท้องสนามหลวง หรือซุ้มที่ถนนราชดำเนินทั้งนอกและใน และกับคนเป็นหมื่น ๆ ค่ะ ที่หนูไปต่อคิวเพื่อรอรับพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัว
วันนั้นหนูยืนต่อคิวและกลับถึงบ้าน ตี 1 หนูก็ทำมาแล้ว เพื่อพระฉายาลักษณ์ของท่านเพียงรูปเดียว และล่าสุดหนูได้ไปร่วมงานของสโมสรสันติบาลจัดขึ้น เนื่องในวันฉัตรมงคลที่ลานพระรูปทรงม้า หนูไปมาเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 53 ไปนั่งดูพระกรณียกิจของท่าน นั่งดูแล้วถึงกับน้ำตาซึมเลยทีเดียว เพราะท่านทรงเหน็ดเหนื่อยมากจริง ๆ ค่ะ แล้วหนูก็กลับมาคิดว่าตอนนี้ท่านไม่สบายอยู่ที่ รพ.ศิริราช อาจเป็นเพราะเมื่อตอนที่ท่านร่างกายแข็งแรงท่านทรงทำงานหนักมากโดยไม่ย่อท้อเลย พอท่านอายุเพิ่มมากขึ้นทำให้ร่างกายของท่านทรุดโทรมมาก
สำหรับหนูแล้ว หนูคิดว่าท่านไม่ใช่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ท่านเกิดมาพร้อมบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ ท่านเหมือนพระพุทธเจ้า ซึ่งหนูคิดเองอยู่ตลอดเวลาสำหรับหนูแล้วกระดาษที่เป็นรูปท่าน หรือปฏิทินหนูไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้นอกจากเก็บไว้
อีกอย่างหนึ่งที่หนูอยากจะกล่าวในบทความนี้ คือการใช้ชีวิตแต่พอเพียงอย่างที่ท่านให้ข้อคิดไว้ ทุกวันนี้ท่านสอนเกษตรกร หากมีพื้นที่ทำกินอยู่แปลงหนึ่ง ต้องแบ่งทำมาหากินอย่างไรบ้าง ส่วนหนึ่งปลูกบ้าน ส่วนหนึ่งเลี้ยงปลา อีกส่วนหนึ่งปลูกผัก หนูเองก็ใช้ชีวิตอย่างนั้น หนูทำงานอยู่ที่นี่ถือว่าเงินเดือนหนูน้อยก็จริง แต่หนูก็ใช้ชีวิตไม่ฟุ่มเฟือย แบ่งเงินเป็น 3 ส่วน ส่วนหนึ่งเก็บฝากแบงค์ประจำ ส่วนหนึ่งเก็บไว้ใช้จ่ายภายใน 1 เดือน อีกส่วนหนึ่งก็ซื้อของให้รางวัลตัวเองบ้าง หนูอยากให้ทุกคนทำอย่างนี้ค่ะ จะได้สบายไม่มีหนี้สินกัน
สุดท้ายนี้ หนูคิดว่าเพื่อเป็นการตอบแทนท่าน หนูไม่ต้องคิดทำโครงการใหญ่โตอลังการหรอกค่ะ แค่หนูเป็นคนดีในสังคม และไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นก็เพียงพอแล้วค่ะ ท่านจะได้สบายใจ ไม่เครียด และจะได้ไม่มีผลกระทบต่อร่างกายของท่าน ท่านจะได้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง อยู่คู่บ้านคู่เมืองกับคนไทยทั้งประเทศตลอดไปยิ่งยืนนานค่ะ
การเก็บคะแนนการเขียนเรียงความโลกส่วนตัว
แบ่งเป็น ๒ ส่วน
ส่วนที่ ๑ เป็นข้อสอบปรนัย
ทดสอบความรู้เกี่ยวกับการเขียนเรียงความโลกส่วนตัว ๒๐ ข้อ ๔ ตัวเลือก (ครูจะนัดหมายให้นักเรียนเข้าทำข้อสอบและเก็บคะแนนใน Google ฟอร์ม ในวันเวลาที่ครูกำหนดให้พร้อมกัน)
ส่วนที่ ๒ เป็นข้อสอบอัตนัย
โดยให้นักเรียนเขียนเรียงความโลกส่วนตัว ๑ เรื่อง ในระหว่างปิดภาคเรียนเพื่อนำไปปรับปรุงในคาบเรียนที่ ๑ และนำส่งภายในชั่วโมง โดยนักเรียนสามารถดำเนินงานล่วงหน้าได้ดังนี้
คำสั่ง ให้นักเรียนเขียนเรียงความเกี่ยวกับโลกส่วนตัวโดยกำหนดเรื่องและคิดชื่อเรื่องเองตามเนื้อเรื่องที่เขียนความยาว ๑ หน้ากระดาษรายงาน(ประมาณ ๒๕ บรรทัด) ส่งในคาบเรียนคาบแรกในภาคเรียนที่ ๑
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น